กฎกระทรวง 
ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2536)
ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 
พ.ศ. 2535
 
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 และมาตรา 
90 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ 
และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 สถาบันการเงินที่จะขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามกฎกระทรวง 
นี้ได้ต้องเป็นสถาบันการเงินดังต่อไปนี้
     (1) ธนาคารพาณิชย์ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์
     (2) บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน 
ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือ
     (3) สถาบันการเงินที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ
ข้อ 2 สถาบันการเงินตามข้อ 1 จะขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ได้เฉพาะประเภทการค้าหลักทรัพย์หรือการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้เท่านั้นเว้นแต่สถาบัน 
การเงินตามข้อ1(3)ถ้าอาจประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการค้าหลักทรัพย์หรือการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ทั้งที่เป็นตราสารแห่งหนี้และตราสารลักษณะอื่นได้โดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้วก่อนวันที่ 
พระราชบัญญัติ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 
มีผลใช้บังคับ จะขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 
หลักทรัพย์ที่เป็นตราสาร ลักษณะอื่นนั้นด้วยก็ได้
ข้อ 3 ให้สถาบันการเงินตามข้อ 1 ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามข้อ 2 ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามแบบ 90-1 ท้ายกฎกระทรวงนี้พร้อมด้วยสำเนา 2 ชุด 
ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยยื่นผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ 
และตลาดหลักทรัพย์
การยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามวรรคหนึ่ง 
ให้ยื่นพร้อมด้วย เอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้
     (1) งบการเงิน 
รายงานฐานะการเงินและผลการดำเนินงานในระยะเวลาห้าปีย้อนหลัง 
ก่อนปีที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์
     (2) หลักฐานที่แสดงว่าเป็นสถาบันการเงินที่อาจประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทที่ขอรับใบอนุญาตได้ตามกฎหมายที่จัดตั้งสถาบันการเงินนั้นขึ้นหรือกฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจของสถาบัน 
การเงินนั้น แล้วแต่กรณี
     (3) หลักฐานหรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 
กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ 4 สถาบันการเงินที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ต้องมีคุณสมบัติ 
ดังต่อไปนี้
     (1) อาจประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทที่ขอรับใบอนุญาตได้ตามกฎหมายที่จัดตั้งสถาบัน 
การเงินนั้นขึ้นหรือกฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงินนั้น 
แล้วแต่กรณี
     (2) มีเงินกองทุนสุทธิไม่ต่ำกว่าห้าร้อยล้านบาท 
และมีสินทรัพย์รวมสุทธิไม่ต่ำกว่าห้าพัน ล้านบาท
     (3) มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีย้อนหลังก่อนปีที่ยื่นคำขอรับ 
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์
     (4) มีการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยมีการจัดการที่รอบคอบและเชื่อถือได้ 
มีระบบบัญชีตามมาตรฐานที่ยอมรับกันโดยทั่วไป 
และมีระบบการควบคุมภายในที่ดี
     (5) มีผู้บริหารที่มีความสามารถและมีความซื่อสัตย์โดยพิจารณาจากประวัติการทำงาน
ข้อ 5 เมื่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้รับคำขอตามข้อ 
3 และ พิจารณาเห็นว่าผู้ยื่นคำขอเป็นผู้มีคุณสมบัติตามข้อ 4 ให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เสนอแนะรัฐมนตรีเพื่อออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้รับคำขอและเอกสารหลักฐานครบถ้วน 
และให้รัฐมนตรีพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับข้อเสนอแนะ 
ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามแบบท้ายกฎกระทรวงนี้
ข้อ 6 ให้กำหนดค่าธรรมเนียมคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ดังนี้
     (1)  คำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์
ฉบับละ 500 บาท 
     (2)  ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการค้าหลักทรัพย์ หรือการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์แต่ละประเภท
ปีละ 1,000,000 บาท
ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 
หลักทรัพย์ตามวรรคหนึ่งล่วงหน้าเป็นรายปีตามปีปฏิทิน 
โดยชำระก่อนวันที่เริ่มปีปฏิทินนั้น เว้นแต่ในปีแรกให้ชำระค่าธรรมเนียมในวันที่ได้มีการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และให้คิดค่าธรรมเนียมเฉลี่ยตามระยะเวลาที่เหลืออยู่ในปีปฏิทินที่ได้มีการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์
สถาบันการเงินใดที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามกฎกระทรวงนี้ไม่ชำระค่าธรรมเนียมหรือชำระค่าธรรมเนียมไม่ครบถ้วน 
ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกร้อยละสองต่อเดือนของ 
ค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระ เศษของเดือนให้นับเป็นหนึ่งเดือน
 
 
ให้ไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 
2536
 
(นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง