ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การซื้อหรือมีหุ้นและการประกอบกิจการอื่นของบริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเมื่อช่วงไตรมาสที่ 4
ปี 2567
เพื่อให้สามารถประกอบธุรกิจเฉพาะที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักตามใบอนุญาตที่ได้รับและมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อลูกค้าหรือธุรกิจหลักอย่างเพียงพอ และได้นำความคิดเห็นจากภาคธุรกิจ
ประกอบกับพัฒนาการของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการทบทวนแนวนโยบายในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของคณะกรรมการ
ก.ล.ต. มาปรับปรุงหลักการให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันโดยคณะกรรมการกำกับตลาดทุนได้เห็นชอบหลักการตามที่ ก.ล.ต. เสนอปรับปรุงแล้วนั้น
ก.ล.ต. จึงเปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว
ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้การติดตามและกำกับดูแลมีความเหมาะสม ยืดหยุ่น
และไม่ก่อให้เกิดภาระแก่ภาคธุรกิจมากเกินควร โดยมีสาระสำคัญดังนี้
(1)
การอนุญาตประกอบกิจการอื่นของบริษัทหลักทรัพย์: ปรับปรุงขอบเขตประเภทกิจการอื่นที่อนุญาตเป็นการทั่วไปและการแจ้งต่อ ก.ล.ต.
ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงขยายขอบเขตให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถลงทุนในกิจการเงินร่วมลงทุน
(Venture Capital) ในสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ของทุนของกิจการ VC ได้ โดยขออนุญาตจากคณะกรรมการกำกับตลาดทุนเป็นรายกรณี
และดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น สัดส่วนการลงทุน เป็นต้น
(2)
การอนุญาตประกอบกิจการอื่นเกี่ยวกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (DA): ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยไม่จำกัดให้บริษัทหลักทรัพย์ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจ crypto
asset (cryptocurrency และ
utility token) ต้องแยกนิติบุคคลในการให้บริการ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ต้องขอรับใบอนุญาตและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
พ.ศ. 2561 และต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะและความเสี่ยง crypto asset อย่างถูกต้องและครบถ้วน รวมถึงมีมาตรการป้องกันการเสนอขายผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติม นอกจากผลิตภัณฑ์หรือบริการด้านหลักทรัพย์
(cross-selling) อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ สำหรับโทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุน (Investment token) ที่ได้รับอนุญาตเสนอขายจาก ก.ล.ต. และโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government
token: G-Token)* บริษัทหลักทรัพย์จะได้รับยกเว้นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
DA และสามารถให้บริการผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่เทียบเคียงกับผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการอยู่แล้วภายใต้ใบอนุญาตด้านหลักทรัพย์ โดยต้องแจ้งล่วงหน้า 15 วัน เพื่อให้ ก.ล.ต.
พิจารณาระบบงานที่อาจมีความแตกต่างจากธุรกิจหลักทรัพย์ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ต้องควบคุมการประกอบกิจการดังกล่าวมิให้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลักทรัพย์
ลูกค้า หรือความน่าเชื่อถือหรือชื่อเสียง (reputation risk) ของบริษัทหลักทรัพย์ตลอดระยะเวลาการประกอบธุรกิจ
(3)
การอนุญาตประกอบกิจการอื่นเกี่ยวกับการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยมีสัญญาขายหรือซื้อคืน
(repo และ reverse repo): กำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ประเภทการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจหลักทรัพย์
(SFC) สามารถทำธุรกรรม reverse repo โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์และไม่จำเป็นต้องเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกิน
เพื่อให้ SFC สามารถทำธุรกรรม
reverse repo โดยใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมเงินธนาคารพาณิชย์หรือออกตั๋วเงินได้ตามเดิมที่ถือเป็นการให้สินเชื่อกับบริษัทหลักทรัพย์
ซึ่งเป็นการประกอบธุรกิจโดยปกติของ SFC
พร้อมกันนี้ ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การซื้อหรือมีหุ้นและการประกอบกิจการอื่นของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้สอดคล้องกับบริษัทหลักทรัพย์
เพื่อให้มีการกำกับดูแลเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน
ก.ล.ต.
ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นซึ่งมีรายละเอียดการปรับปรุงหลักการและร่างประกาศในเรื่องดังกล่าวบนเว็บไซต์
ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=1085 และระบบกลางทางกฎหมาย
https://www.law.go.th/listeningDetail?survey_id=NTQ3NkRHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ=
ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถศึกษาและแสดงความคิดเห็นได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์หรือทาง
e-mail : phachisa@sec.or.th
chawannuch@sec.or.th หรือ laksika@sec.or.th
จนถึงวันที่ 5
กรกฎาคม 2568
หมายเหตุ:
*
ตามเอกสารการรับฟังความคิดเห็นเลขที่ อนด. 16/2568 เรื่อง หลักการและร่างประกาศเกี่ยวกับการสนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์
(บล.) ให้บริการโทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุน (Investment token) เมื่อวันที่ 9 - 26 พฤษภาคม 2568 และเอกสารรับฟังความคิดเห็นเลขที่ อสน. 17/2568
เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government
Token) และร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม - 10 มิถุนายน 2568