ก.ล.ต. ตรวจสอบพบว่า บริษัท พาย และนายสัมฤทธิ์ชัย
บกพร่องอย่างร้ายแรงในการปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการร่วมยื่นคำขออนุญาต IPO ของบริษัทมหาชนจำกัด* โดยมีพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการมีเจตนาไม่สุจริต
ให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทที่จะทำ IPO ในการปกปิดข้อเท็จจริงซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อการพิจารณาคำขออนุญาต
IPO ของ ก.ล.ต. หรือต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน รวมทั้งพบว่ามีเจตนาปกปิดข้อมูลเงื่อนไขของการสิ้นสุดสัญญาการเป็นตัวแทนนายหน้าซึ่งเป็นธุรกิจหลักและเป็นรายการที่มีนัยสำคัญของบริษัทที่จะทำ
IPO โดยแจ้งข้อมูลเฉพาะส่วนที่เป็นคุณแก่บริษัท ทั้งที่ผู้ควบคุมการปฏิบัติงานทราบถึงเงื่อนไขที่กำหนดเพิ่มเติมระหว่างบริษัทที่จะทำ
IPO กับคู่สัญญาที่ระบุให้สัญญาการเป็นตัวแทนนายหน้าดังกล่าวสิ้นสุดทันทีภายหลังจากที่ครบกำหนดของการขยายระยะเวลาของสัญญา
แต่กลับปกปิดเงื่อนไขดังกล่าว โดยแจ้งเฉพาะความคืบหน้าในการต่อสัญญาเท่านั้น ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวเป็นเงื่อนไขที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
ทำให้บริษัทที่จะทำ IPO สูญเสียค่าตอบแทนที่จ่ายไปล่วงหน้าและกระทบต่อฐานะการเงินรวมถึงผลการดำเนินงาน
รวมทั้งยังพบข้อบกพร่องจากการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือขาดความระมัดระวังรอบคอบอย่างมากในการตรวจสอบหรือสอบทานข้อมูลที่สำคัญ
(due
diligence) ของบริษัทที่จะทำ IPO ดังกล่าวในอีกโครงการหนึ่ง โดยผู้ควบคุมการปฏิบัติงานไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลรายการทางการเงินที่น่าสงสัย (red flags) และขาดความระมัดระวังในการตรวจสอบธุรกรรมการซื้อขายของบริษัทที่จะทำ
IPO ว่าเป็นรายการซื้อขายจริง (true transaction) ทั้งที่เงินมัดจำในโครงการดังกล่าวในขณะที่ยื่นคำขออนุญาต IPO มีมูลค่าเกือบร้อยละ 20 ของสินทรัพย์รวมของบริษัท จึงเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่บริษัทใช้ในการประกอบธุรกิจ รวมถึงการไม่วิเคราะห์และเปิดเผยความเสี่ยงในการทำสัญญาตัวแทนนายหน้า
อันทำให้บริษัทที่จะทำ IPO มีโอกาสจะสูญเสียเงินมัดจำจากการทำสัญญาดังกล่าวในจำนวนที่มีนัยสำคัญทั้งจำนวน
นอกจากนี้ ยังพบข้อบกพร่องในเรื่องที่มีนัยสำคัญมาก
โดยมีพฤติกรรมแสดงถึงการขาดความระมัดระวังรอบคอบอย่างมากในการตรวจสอบหรือสอบทานข้อมูลที่สำคัญ
(due
diligence) ของบริษัทที่จะทำ IPO ในประเด็นการทำธุรกรรมของบริษัทย่อยซึ่งมีความเสี่ยงในการสูญเสียเงินมัดจำ
การใช้ทรัพยากรของบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของผู้บริหารโดยไม่มีนโยบายรองรับ
การไม่ตรวจสอบความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของธุรกิจส่วนตัวของกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ การไม่ตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายของบริษัทจากกิจกรรมทางการตลาดหรือ
Business Model ใหม่ และการไม่ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของการจ้าง
sub contract ซึ่งการไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบหรือสอบทานข้อมูลที่สำคัญข้างต้นของผู้ควบคุมการปฏิบัติงาน ส่งผลให้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับความเหมาะสมและเพียงพอของระบบควบคุมภายในของบริษัทที่จะทำ
IPO ดังกล่าว รวมทั้งความครบถ้วนถูกต้องของการเปิดเผยข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนสำหรับเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนของบริษัทที่จะทำ
IPO ด้วย
ข้อบกพร่องที่ตรวจพบข้างต้นแสดงถึงการปฏิบัติงานที่บกพร่องของผู้ควบคุมการปฏิบัติงานอย่างร้ายแรง
โดยไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานและจรรยาบรรณเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพพึงกระทำตามที่กฎหมายกำหนด
รวมทั้งแสดงถึงความบกพร่องของระบบในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้ควบคุมการปฏิบัติงานในสังกัดบริษัท
พาย ซึ่งไม่สามารถควบคุมให้การปฏิบัติงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นไปตามมาตรฐานและจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ
ก.ล.ต.
จึงสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท พาย และผู้ควบคุมการปฏิบัติงาน
นายสัมฤทธิ์ชัย
เป็นระยะเวลา 10
ปี โดยกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้ควบคุมการปฏิบัติงานในครั้งต่อไป** เมื่อพ้นระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568
อนึ่ง
ที่ปรึกษาทางการเงินมีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกและกลั่นกรองคุณภาพของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดูแลให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ทำให้สำคัญผิด
และเพียงพอต่อการตัดสินใจลงทุน
ซึ่งผลงานของที่ปรึกษาทางการเงินมีความสำคัญอย่างมากกับผู้ลงทุนและผู้เกี่ยวข้องในวงกว้าง
ดังนั้น ที่ปรึกษาทางการเงินจึงต้องปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานในการปฏิบัติงานของผู้ประกอบวิชาชีพและรักษาจรรยาบรรณวิชาชีพ
หมายเหตุ :
* บริษัทและที่ปรึกษาทางการเงินได้ถอนการยื่นคำขอ
IPO และไม่ได้เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนแต่อย่างใด
** หมายความว่า
หากมายื่นคำขอความเห็นชอบในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในตลาดทุนในช่วงระยะเวลาที่สั่งเพิกถอน ก.ล.ต. จะไม่รับพิจารณาคำขอดังกล่าว