โครงการออมเบอร์ 5 มีเป้าหมายหลักในการขยายฐานผู้ลงทุนหน้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงาน
ให้มีความพร้อม มีวินัยการออมเพื่ออนาคตผ่านการลงทุนในกองทุนรวมแบบ Dollar Cost
Average (DCA: การลงทุนสม่ำเสมอแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน)
โดยประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมโครงการด้วยการเปิดบัญชีกองทุนรวม เริ่มลงทุนสะสมจนครบ
5,000 บาท และร่วมสร้างแผนการลงทุนในกองทุนรวมแบบสม่ำเสมอรายเดือน
(DCA) ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 500 บาท ซึ่งเมื่อลงทุนต่อเนื่องครบ 12 เดือน จะได้รับของสมนาคุณพิเศษเพื่อสนับสนุนการออมเพิ่มเติมมูลค่า
500 บาท
โดยภาคธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 22 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์
14 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน 2 แห่ง
ธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง และบริษัทประกันชีวิต 4 แห่ง
นางวรัชญา ศรีมาจันทร์ รองเลขาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ได้กล่าวสนับสนุนโครงการออมเบอร์
5 “ก.ล.ต. มีเป้าหมายให้ประชาชนมีสุขภาพทางการเงินที่ดี โดยการสะสมเงินออมและลงทุน ในตลาดทุนเพื่อตอบสนองความต้องการใช้เงินในระยะยาว
และเห็นว่า “โครงการออมเบอร์ 5”
ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมบริษัทจัดการลงทุน
บริษัทจัดการลงทุน ตัวแทนขายหน่วยลงทุนและสมาคมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ก.ล.ต. เป็นโครงการที่สามารถช่วยให้ผู้ลงทุนในวงกว้างสามารถเข้าถึงการลงทุนในกองทุนรวมได้ด้วยเงินลงทุนไม่มาก และมีวินัยในการลงทุนแบบสม่ำเสมอและต่อเนื่องเพื่อความสำเร็จในระยะยาว
โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารจัดการเงินลงทุนให้อย่างมืออาชีพ
ก.ล.ต. จึงสนับสนุนการให้ความรู้ รวมถึงการประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวในวงกว้าง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า “โครงการออมเบอร์
5” นี้
จะเป็นทางเลือกให้ประชาชนสามารถใช้ในการเข้าถึงการลงทุนได้ต่อไป”
ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวสนับสนุนโครงการว่า
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ
ได้ส่งเสริมให้เกิดการขยายฐานผู้ลงทุนผ่านกองทุนรวมมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับโครงการออมเบอร์ 5 นับเป็นโครงการที่ดี ที่ช่วยกระตุ้นให้คนไทยเกิดความตื่นตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนวัยทำงานรุ่นใหม่ที่ควรส่งเสริมให้เกิดวินัยการออมและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
โดยพร้อมสนับสนุนโครงการฯ
อย่างเต็มที่ในทุกด้าน ทั้งการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเรื่องกองทุนรวมผ่านสื่อโดยเฉพาะช่องทางดิจิทัล
อีกทั้ง ยังได้ร่วมกับสมาคมฯ ภายใต้โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม จัดมหกรรมกองทุนรวม
“Fund
Wealth Fair” ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายนนี้ ณ
อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะมีกิจกรรมสัมมนาและเวิร์กชอปหลากหลายหัวข้อเกี่ยวกับกองทุนรวม
และการออกบูธเพื่อให้คำแนะนำและให้บริการลงทุนโดยตัวแทนจาก บลจ.
เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาข้อมูลและสามารถเริ่มต้นออมสม่ำเสมอกับโครงการออมเบอร์ 5
ได้อย่างมั่นใจ”
นางชวินดา
หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในฐานะตัวแทนบริษัทจัดการลงทุน
ได้แนะนำโครงการออมเบอร์ 5 “กองทุนรวมเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับคนไทยในการออมและการลงทุนเพื่ออนาคต
อย่างไรก็ดีพบว่าจำนวนผู้ลงทุนบุคคลในกองทุนรวมมีจำนวนเพียง 1.7 ล้านคนในปี 2565 ถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศ
ดังนั้น AIMC จึงได้ริเริ่มโครงการด้วยหลักคิดเรื่องความเพียงพอของเงินออมของคนไทย
โดยออกแบบเครื่องมือลงทุนในกองทุนรวมที่ไม่ซับซ้อนเข้าถึงง่าย
ด้วย Key Message “ออมเงินแบบคนมีความสุขต้อง
“555” กับโครงการออมเบอร์ 5 ที่มาพร้อมกับกระบวนการง่ายๆ
เพื่อให้การลงทุนประสบผลสำเร็จ ได้แก่ การตัดสินใจเพื่อเริ่มต้นออมและลงทุนที่ไม่ยากด้วยยอดเงินเริ่มต้นที่ไม่สูงจนเกินไปนัก การเปิดบัญชีกองทุนรวมที่ไม่เสียเวลาอย่างที่เคยคิดการสร้างวินัยจากการออมที่จะพาไปสู่เป้าหมายในระยะยาวและการส่งเสริมกำลังใจและของสมนาคุณเมื่อมีวินัยลงทุนครบตามเงื่อนไข
ทั้งนี้ ถ้าโครงการบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย คาดว่าจะได้ผู้ลงทุนหน้าใหม่รวมไม่ต่ำกว่า
20,000 ราย โดยจะเป็นผู้ลงทุนที่มีคุณภาพ มีวินัยการลงทุนที่ดี ซึ่งจะเป็นฐานผู้ออมใหม่ที่มีคุณภาพในระยะยาวต่อไป”
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
ได้กล่าวสนับสนุนโครงการ “ในฐานะตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์
ที่มีบทบาทสำคัญอันหนึ่งคือส่งเสริมผู้ลงทุนในการลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์เพื่อการออม
การออมโดยการลงทุนผ่านกองทุนรวมเป็นแนวทางที่สำคัญทางหนึ่งที่จะสนับสนุนการออมโดยเฉพาะกับคนที่พึ่งเริ่มต้นการออมผ่านตลาดทุน
และในปัจจุบันมากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทหลักทรัพย์ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้พร้อมจะช่วยสนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่ด้วยรูปแบบต่างๆ
อาทิ กลั่นกรองและคัดเลือกกองทุนที่โดดเด่นที่เหมาะสมกับการออมและลงทุนระยะยาว
ให้คำแนะนำและปรึกษาการลงทุนในกองทุนรวม หรือร่วมสนับสนุนรางวัลของสมนาคุณ
เราเชื่อว่า การออมและลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ประชาชนไทย
และการสนับสนุนให้เกิดผู้ลงทุนรายใหม่
สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านช่องทางนี้เช่นกัน”
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า “การลงทุนระยะยาวแบบประกันชีวิตจะช่วยให้ตลาดทุนไทยพัฒนาเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ
ที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญกับการสร้างบุคลากรในธุรกิจประกันชีวิตให้มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ตลาดทุน สามารถให้คำแนะนำและวางแผนการลงทุนใน Investment Link
Insurance Products (“ILP”) ซึ่งได้แก่
กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (“Unit Linked”) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมและลงทุน
และให้โอกาสของผลตอบแทนในระยะยาวที่สูงขึ้น เชื่อมั่นว่าโครงการออมเบอร์ 5 จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการเติบโตของผลิตภัณฑ์
unit linked และช่วยให้เกิดการต่อยอดกับกลุ่มลูกค้าประกันชีวิตที่มีอยู่เดิมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ
ได้มากขึ้น”
ในด้านธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นช่องทางการขายกองทุนรวมที่เข้มแข็งด้วยสาขาของธนาคารรวมถึงระบบโมบายแบงค์กิ้งแอปที่เข้าถึงผู้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นางกิตติยา โตธนะเกษม ผู้อำนวยการสถาบันธนาคารไทย สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า “ธนาคารพาณิชย์ไทยให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อแนะนำทางเลือกการออมเงินที่เหมาะสมกับลูกค้าและระดับการรับความเสี่ยงที่ต่างกัน
และยังได้ให้ความรู้เรื่องการออมสู่ประชาชนเสมอมา ธนาคารพาณิชย์และสถาบันธนาคารไทย
จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ และมั่นใจว่าสาขาของธนาคาร
รวมถึงบริษัทจัดการลงทุนที่อยู่ในเครือ ซึ่งมีผู้แนะนำการลงทุนหลายหมื่นคน จะร่วมกันช่วยส่งเสริมสุขภาพทางการเงินที่ดีแก่ประชาชนทั่วไป”
ท้ายสุดนี้ นายชลเดช เขมะรัตนา
ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ได้กล่าวว่า “ บลน.
พร้อมสนับสนุนโครงการออมเบอร์ 5 ให้เกิดผลรูปธรรมอย่างเต็มที่เช่นกัน ด้วยจุดแข็งที่ บลน. สามารถขายกองทุนรวมของบริษัทจัดการต่าง ๆ ได้ในแพลทฟอร์มเดียว รวมทั้งมีนักกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถให้คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวม ช่วยแนะนำผสมผสานกองทุนรวมที่โดดเด่นจาก
บลจ.ต่าง ๆ เพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอได้ดังใจผู้ลงทุนพร้อมความเสี่ยงที่ยอมรับได้”