สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เมื่อเดือนกันยายน ปี 2563 และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า
ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 8 พฤษภาคม
2563 ผู้กระทำความผิด 6 ราย ได้แก่ (1) นายปรีชา ใคร่ครวญ (2) นายพงษ์เชณฐ เหรียญชัยวานิช (3)
นายศรายุทธ คงอ่ำ (4) นางสาวอารีพร แก้วกลม (5) นายวรวิทย์ ควนวิไล และ (6)
นางสาวโสพิส ผูกพัทธิ์ ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างกัน
ทั้งในด้านความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และความสัมพันธ์ทางเงิน ได้ร่วมกันในกรณีสร้างราคาหรือปริมาณหลักทรัพย์
โดยส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ในลักษณะต่อเนื่องกัน
โดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
ทั้งนี้ ผู้กระทำความผิด 6 รายดังกล่าวได้ร่วมกันกระทำการโดยแบ่งหน้าที่กันซื้อขายหุ้น
UREKA ในลักษณะสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขาย โดยมีพฤติกรรมสอดรับและสนับสนุนซึ่งกันและกันในลักษณะสลับหน้าที่กันเข้ามาสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น UREKA ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
โดยมีการส่งคำสั่งซื้อในลักษณะผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น
การเคาะซื้อด้วยหุ้นปริมาณน้อยโดยประสงค์ให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
การเคาะซื้อหรือส่งคำสั่งซื้อเพื่อกวาดคำเสนอขาย (offer)
ที่ดีที่สุด การครองคำเสนอซื้อ (bid) ในหลายระดับราคาเพื่อขัดขวางการซื้อขายของนักลงทุนอื่น ทำให้นักลงทุนอื่นต้องเคาะซื้อในราคาที่สูงขึ้น การควบคุมราคาปิด รวมถึงการจับคู่ซื้อขายด้วยปริมาณ ราคา และช่วงเวลาใกล้เคียงกันหลายครั้ง และมีพฤติกรรมสอดรับหรือสนันสนุนในลักษณะความสัมพันธ์ทางเงินในการกระทำความผิดระหว่างกัน
ส่งผลให้ราคาหุ้น UREKA เปลี่ยนแปลงไปไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด
การกระทำของกลุ่มผู้กระทำความผิดจำนวน
6 รายข้างต้น เป็นความผิดฐานตามมาตรา 244/3(1)(2) ประกอบมาตรา
244/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 83
แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง
(ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับ*กับผู้กระทำความผิดทั้ง 6 รายดังกล่าว โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง
ได้แก่
(1) ให้นายปรีชา ชำระค่าปรับทางแพ่ง
ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ
ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 37,856,934 บาท รวมถึงห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นเวลา 17
เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ เป็นเวลา 34 เดือน
(2) ให้นายพงษ์เชณฐ
ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับและชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด
เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 991,459 บาท รวมถึงห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นเวลา 14
เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ เป็นเวลา 28 เดือน
(3) ให้นายศรายุทธ ชำระค่าปรับทางแพ่ง
ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับและชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด
เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 25,123,872 บาท
รวมถึงห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นเวลา 17 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์
เป็นเวลา 34 เดือน
(4) ให้นางสาวอารีพร
ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับและชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด
เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 674,513 บาท
รวมถึงห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นเวลา 14 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์
เป็นเวลา 28 เดือน
(5) ให้นายวรวิทย์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง
ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับและชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด
เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 625,187 บาท รวมถึงห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นเวลา 14
เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ เป็นเวลา 28 เดือน
(6) ให้นางสาวโสพิส ชำระค่าปรับทางแพ่ง
ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ
ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 674,513 บาท รวมถึงห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นเวลา 14
เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ เป็นเวลา 28 เดือน
มาตรการลงโทษทางแพ่งที่
ค.ม.พ. กำหนดจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่
ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต.
จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่อัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่
ค.ม.พ. กำหนด
ทั้งนี้
เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง
หมายเหตุ : *มาตรการลงโทษทางแพ่ง เป็นมาตรการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่
12 ธันวาคม 2559 โดยมาตรา 317/1 กำหนดให้การกระทำความผิดอาญาตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดได้
อ่านรายละเอียด “การดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง (Civil Sanctions)” ได้ที่ https://www.sec.or.th/TH/Pages/LawandRegulations/CivilPenalty.aspx