สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(OECD)
ได้ร่วมกันจัดงานประชุม OECD-Asia Roundtable on Corporate
Governance 2025 ซึ่งเป็นเวทีระดับภูมิภาคระหว่างประเทศในเอเชียและ OECD
เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเชิงนโยบายด้านบรรษัทภิบาล การระดมทุนและความยั่งยืนของภาคธุรกิจ
โดยการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 150 คน จาก 23 ประเทศ ประกอบไปด้วย
ผู้บริหารระดับสูงและผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีในการกำกับดูแลกิจการและความยั่งยืนขององค์กร
ทั้งนี้ ภายในงานมีการเปิดตัว รายงานการศึกษาทบทวนตลาดทุนไทย (OECD Capital Market Review of
Thailand 2025) บทวิเคราะห์เชิงลึกซึ่งมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการเสริมสร้างระบบนิเวศตลาดทุนไทยในแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ข้อเสนอแนะสำคัญโดยสังเขป ได้แก่
(1) ยกระดับด้านบรรษัทภิบาลและความโปร่งใส (Enhancing Corporate
Governance and Transparency) ส่งเสริมให้ผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนมีบทบาทความรับผิดชอบมากขึ้น
ปรับปรุงคู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดี (CG Code)
และแนวปฏิบัติที่ดีในการเปิดเผยข้อมูล และเสริมสร้างความเป็นอิสระของคณะกรรมการบริษัท
รวมทั้งพัฒนาการกำกับดูแลธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกันและการคุ้มครองผู้ถือหุ้นรายย่อย
(2) ส่งเสริมการเข้าถึงและสภาพคล่องในตลาดทุน
(Boosting Stock Market Access and Liquidity) เสนอให้มีการปรับขั้นตอนการอนุมัติ IPO ให้กระชับขึ้น
อำนวยความสะดวกในการเสนอขายหุ้นในตลาดรอง (secondary offerings)
และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดทุนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)ผ่านตลาดหลักทรัพย์ mai และ LiVEx รวมทั้งสนับสนุนงานวิจัยตลาดทุน
(3) สนับสนุนการระดมทุนระยะยาวอย่างยั่งยืน (Long-Term
and Sustainable Financing) ส่งเสริมการระดมทุนด้วยตราสารหนี้ภาคเอกชน
ซึ่งรวมถึงตราสารเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน พร้อมทั้งปรับปรุงขั้นตอนการพิจารณาคุณสมบัติผู้ลงทุนเพื่อเพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน
และสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าถึงตลาดตราสารหนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น
(4) ยกระดับการระดมทุนของภาคเอกชน (Mobilizing
Private Capital Markets) ส่งเสริมการลงทุนผ่านธุรกิจจัดการร่วมลงทุน
(venture capital) และกิจการเงินร่วมลงทุน (private
equity: PE) ปรับปรุงโครงสร้างกองทุนและการเสนอขายหลักทรัพย์แก่กรรมการหรือพนักงานบริษัทจดทะเบียน
(ESOP) ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมทั้งสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสนับสนุนธุรกิจใหม่
(5) การขยายฐานนักลงทุนและเสริมสร้างเงินออมภาคครัวเรือน
(Deepening the Investor Base and Strengthening Household Savings) OECD เสนอแนะให้มีการออกแบบโครงการออมเงินโดยขยายความคุ้มครองของเงินบำนาญ
เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ลงทุนสถาบันในตลาดทุน และส่งเสริมความรู้และทักษะด้านการเงินแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ก.ล.ต.
ให้ความสำคัญกับการประเมินตามมาตรฐานมาอย่างต่อเนื่อง รายงานการศึกษาทบทวนตลาดทุนไทย
จึงไม่ใช่เพียงโอกาสในการประเมิน
แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้ ปรับแนวทางให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
และยืนยันความมุ่งมั่นในการยกระดับการกำกับดูแลที่ดี
เพื่อสร้างตลาดทุนไทยให้แข็งแกร่ง มีความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ
ประธานกรรมการ ก.ล.ต. กล่าวว่า
“ความร่วมมือเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการกำหนดนโยบายของ ก.ล.ต. เสมอมา
การสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างกับองค์การ OECD และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ทำให้มั่นใจได้ว่ารายงานฉบับนี้สะท้อนถึงความต้องการในโลกความเป็นจริง
และความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก.ล.ต.
ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อมุมมองที่หลากหลายซึ่งมีส่วนช่วยหล่อหลอมผลการศึกษาครั้งนี้ให้เป็นข้อเสนอที่ปฏิบัติได้จริง
และสร้างผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไปถึงอนาคตได้”
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต.
กล่าวว่า
“ผลการศึกษาเชิงลึกนี้เป็นมากกว่าข้อเสนอแนะแต่เป็นประเด็นนโยบายสำคัญที่ ก.ล.ต.
กำลังดำเนินการอยู่แล้ว เรามุ่งมั่นที่จะสานต่อพลังขับเคลื่อนนี้โดยร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อทำให้ตลาดทุนของเรามีความคล่องตัว
เข้าถึงได้ และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เราเชื่อว่ารายงานการศึกษาทบทวนตลาดทุนไทยของ OECD จะนำไปสู่โอกาสในการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนและขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยต่อไป”
นายอัสสเดช
คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
กล่าวว่า “รายงานการทบทวนตลาดทุนไทยประจำปี 2568 โดย OECD
ฉบับนี้ ชี้ให้เห็นประเด็นที่สำคัญที่ควรได้รับการพัฒนาในตลาดทุนไทย
ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
โดยการประสานความร่วมมือนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนโอกาสการพัฒนา
พร้อมยกระดับธรรมาภิบาล และผลักดันให้ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป”
Carmine Di Noia, OECD
Director for Financial Affairs, กล่าวว่า
“การปฏิรูปตลาดทุนไทยที่ผ่านมา
และความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการพัฒนามาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดี สะท้อนให้เห็นถึงภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งในการส่งเสริมตลาดทุนที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเปิดกว้าง
ซึ่งสอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการของ G20/OECD ความร่วมมือระหว่าง OECD กับ
ก.ล.ต. มีคุณค่าอย่างยิ่ง และเราเชื่อว่ารายงานการศึกษาทบทวนตลาดทุนไทยครั้งนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนและพลวัตโดยรวมของเศรษฐกิจไทย”
หมายเหตุ:
*
เกี่ยวกับ OECD
- องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
หรือ
OECD
(Organisation for
Economic Co-operation and Development) ก่อตั้งขึ้นในปี
พ.ศ. 2504 เป็นเวทีและศูนย์กลางความรู้ด้านข้อมูล
การวิเคราะห์ และแนวปฏิบัติที่ดีทางด้านนโยบายสาธารณะ OECD ทำงานร่วมกับ
100 กว่าประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่เข้มแข็ง
เป็นธรรม และสะอาดยิ่งขึ้น โดยมีส่วนร่วมในการเสนอแนะแนวนโยบายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.oecd.org
** เกี่ยวกับ
OECD-Asia
Corporate Governance Programme
- โครงการส่งเสริมบรรษัทภิบาลระหว่าง OECD และประเทศในเอเชีย จัดขึ้นร่วมกับประเทศเจ้าภาพเป็นประจำทุกปี เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างประเทศในเอเชียและ
OECD เพื่อเสริมสร้างการพัฒนาแนวปฏิบัติที่ดีระดับสากลที่สอดคล้องกัน
-
งานประชุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมบรรษัทภิบาลระหว่าง
OECD และประเทศในเอชีย ซึ่งสะท้อนบทบาทของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพที่มุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดี
และการพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืน