Sign In
ข่าว ก.ล.ต.

ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 1 ราย กรณีซื้อหุ้น AQUA โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน



วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม 2568 | ฉบับที่ 320 / 2568


ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับนายปกรณ์ มงคลธาดา ผู้กระทำความผิดกรณีซื้อหุ้นบริษัท อควา คอร์เปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) (AQUA) โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน และให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 19,339,187 บาท รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 14 เดือน


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2565 และตรวจสอบเพิ่มเติม พบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า ในช่วงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 – 25 มกราคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ AQUA จะเปิดเผยข้อมูลภายในเกี่ยวกับกรณีที่ AQUA จะอนุมัติจำหน่ายหุ้นสามัญในบริษัทย่อยของ AQUA ให้กับบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) (PLANB) และจะอนุมัติซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PLANB ซึ่งส่งผลด้านบวกต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น AQUA และผู้ลงทุนทั่วไปไม่อาจคาดการณ์ได้ นายปกรณ์ ซึ่งขณะนั้นเป็นกรรมการของ AQUA ที่ล่วงรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในดังกล่าวได้ซื้อหุ้น AQUA โดยใช้ข้อมูลภายในดังกล่าวก่อนที่ AQUA จะเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 26 มกราคม 2565 เวลา 07.48 น. 

การกระทำของนายปกรณ์เป็นความผิดฐานซื้อหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับ* กับนายปกรณ์ โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งให้นายปกรณ์ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 19,339,187 บาท และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลา 14 เดือน

การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้นจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่อัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด

ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง


หมายเหตุ : *มาตรา 317/1 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ให้การกระทำความผิดอาญาตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดได้

อ่านรายละเอียด “การดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง (Civil Sanctions)” ได้ที่ https://www.sec.or.th/TH/Pages/LawandRegulations/CivilPenalty.aspx







ข่าวในหมวดเดียวกัน

ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหาร CMO กับพวก รวม 4 ราย ต่อ บก.ปอศ. กรณีกระทำการทุจริต จนทำให้เกิดความเสียหาย CMO
ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหาร GL ต่อ บก.ปอศ. กรณีทุจริต
ก.ล.ต. ขยายเวลานำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขให้ SAM
ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 2 กรณีรวม 8 ราย ได้แก่ กรณีขายหุ้น AIE และ AI โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน หรือเปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่น
ก.ล.ต. ขยายผลกรณีการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของ ปปง. เพื่อนำมาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง