Sign In
ข่าว ก.ล.ต.

ก.ล.ต. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 8/2562



วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2562 | ฉบับที่ 89 / 2562


คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติแต่งตั้งกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 6 คน พร้อมด้วยเห็นชอบในหลักการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมให้สามารถระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนได้ และเห็นชอบแนวทางกำกับดูแลตลาดตราสารหนี้เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน รวมถึงเห็นชอบแผนการดำเนินงานของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่สอดรับนโยบายหลักในการพัฒนาประเทศของรัฐบาล

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 8/2562 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติแต่งตั้งกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จำนวน 6 คน ได้แก่ (1) นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ (2) นายจรัมพร โชติกเสถียร (3) นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ (4) นางวรวรรณ ธาราภูมิ (5) นายเสรี นนทสูติ และ (6) นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย

เพื่อให้องค์คณะของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์เป็นไปตามองค์ประกอบที่แก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2562 โดยผู้ได้รับการแต่งตั้งจะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี นับแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งแต่งตั้งมีผล

ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ตามองค์ประกอบใหม่ชุดแรก พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ (ฉบับที่ 6) (มาตรา 39) ระบุให้กรรมการตลาดหลักทรัพย์ทั้งในส่วนที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. แต่งตั้ง และที่สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์เลือกตั้ง พ้นจากตำแหน่งฝ่ายละกึ่งหนึ่งเมื่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ทำหน้าที่ครบ 1 ปี 6 เดือน โดยใช้วิธีจับสลาก และให้ถือว่าเป็นการพ้นตำแหน่งตามวาระ 

ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (social enterprise : SE) ขายหุ้นแก่ประชาชนได้เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบในหลักการที่จะยกเว้นให้การเสนอขายหุ้นของวิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถกระทำได้เป็นการทั่วไปหรือต่อบุคคลในวงกว้าง เช่นเดียวกับบริษัทประชารัฐ 77 แห่ง ที่ได้เคยได้รับยกเว้นไปให้แล้ว ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้กิจการดังกล่าวสามารถระดมทุน เพื่อใช้ในการดำเนินการเพื่อพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอันเป็นประโยชน์แก่สังคม   

โดยที่พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ. วิสาหกิจเพื่อสังคมฯ) ได้มีผลใช้บังคับ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562  ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการระดมทุนของกิจการที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งเป็นกิจการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจ้างงาน แก้ไขพัฒนาชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม หรือใช้เพื่อประโยชน์ส่วนร่วมอื่น หรือคืนประโยชน์แก่สังคม โดยนำผลกำไรไม่น้อยกว่าร้อยละเจ็ดสิบไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวและแบ่งกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่เกินร้อยละสามสิบของผลกำไรทั้งหมด ก.ล.ต. จึงมีแนวทางที่จะยกเว้นให้การเสนอขายหุ้นของวิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถทำได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากสำนักงาน ทั้งนี้ สำนักงานจะเสนอแนวทางการยกเว้นดังกล่าวต่อคณะกรรมการกำกับตลาดทุนเพื่อพิจารณาต่อไป     

ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2562 ผู้ประกอบการที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม นอกเหนือจากบริษัทประชารัฐฯ มีจำนวน 29 บริษัท 

เห็นชอบแนวทางกำกับดูแลตลาดตราสารหนี้

นางสาวรื่นวดี กล่าวว่า คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบแนวทางการกำกับดูแลตลาดตราสารหนี้โดยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแล และลดจุดเปราะบางในระบบนิเวศ โดยคำนึงถึงความสามารถในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางระดมทุนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ โดยในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนเติบโตเกือบ 3 เท่า แต่ยังมีบางประเด็นที่ ก.ล.ต. ต้องเพิ่มการกำกับดูแล อาทิ    

- ปรับประเภทผู้ลงทุนที่จะเข้าถึงช่องทางการเสนอขายวงจำกัดไม่เกิน 10 ราย ซึ่งไม่มีการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (filing) ขาดข้อมูลสำคัญเพื่อตัดสินใจและถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการขายตราสารเสี่ยงสู่ผู้ลงทุน 

- เพิ่มการติดตามผู้ออก โดยเฉพาะตราสารที่มีความเสี่ยงด้านฐานะทางการเงิน จะกำหนดให้มีการอธิบายความเสี่ยงความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงให้ตัวกลางขายตราสารหนี้ใช้ความระมัดระวังในการทำหน้าที่

- กำกับดูแลเพื่อยกระดับคุณภาพตัวกลางที่เกี่ยวข้องทั้งระบบเพื่อให้ข้อมูลที่ผู้ลงทุนได้รับถูกต้องเพียงพอเข้าใจได้ เช่น เพิ่มรอบการส่งงบการเงิน มาตรฐานการขายและการดูแลกลุ่มเปราะบาง เป็นต้น

- เพิ่มคุณภาพข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โดยปรับหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของตราสารหนี้ (factsheet) และผลักดันให้มีเครื่องมือ (tool/application) ที่เข้าใจง่าย สามารถเปรียบเทียบข้อมูลตราสาร

- เพิ่มกลไกจัดการเมื่อเกิดการผิดนัดชำระหนี้ เช่น กำหนดระยะเวลาชัดเจนที่ผู้ออกตราสารหนี้ และนายทะเบียนหลักทรัพย์ต้องรายงานการผิดนัดชำระหนี้ พิจารณาแนวทางให้ความรู้ผู้ลงทุนในการรักษาสิทธิ ดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหาย รวมถึงการฟ้องร้องบังคับคดี

ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะพิจารณาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นโดยจะจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านและให้ระยะเวลาในการปรับตัว

เห็นชอบแนวทางการดำเนินการสอดรับกับคำแถลงนโยบายรัฐบาล 12 ด้าน

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ยังมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่สอดรับกับคำแถลงนโยบายหลัก 12 ด้านของคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีเป้าหมายพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งและมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดย ก.ล.ต. มีแนวทางการดำเนินการหลัก 6 ด้าน ได้แก่ 1) ส่งเสริมการเข้าถึงทุนของกิจการทุกระดับ อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจเพื่อชุมชนและสังคม เป็นต้น 2) การปฏิรูปการออมและสนับสนุนการลงทุนระยะยาว เพื่อตอบโจทย์สังคมอายุยืน 3) การปฏิรูปรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยีช่วยให้เข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างมั่นใจ 4) ตลาดทุนเพื่อความยั่งยืน โดยใช้กลไกตลาดทุนสนับสนุนให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามองค์การสหประชาชาติ 5) ความสามารถในการแข่งขันในเวทีต่างประเทศ เพื่อให้ตลาดทุนไทยสามารถดึงดูดเงินลงทุนระยะยาวจากผู้ลงทุนทั่วโลก และ 6) การคุ้มครองผู้ลงทุน และการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นต่อตลาดทุนมากยิ่งขึ้น โดยสำนักงานจะนำแนวทางดังกล่าวไปกำหนดกรอบในการจัดยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมต่อไป

                                 ______________________________