Sign In
หลักเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงาน

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดหลักเกณฑ์ในการประเมินผลการปฏิบัติงานพนักงานและพนักงานสัญญาจ้าง เพื่อให้การประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ ดังนี้

1. ​​รอบการประเมินผลการปฏิบัติงาน

ปีละ 2 ครั้ง ตามปีปฏิทิน คือ

ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน และ

ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม

 

2. ปัจจัยในการประเมินผลการปฏิบัติงาน

ให้คณะกรรมการด้านบริหารงานบุคคลเป็นผู้พิจารณากำหนดปัจจัยและน้ำหนักการประเมินของพนักงานแต่ละระดับ ด้วยการนำปัจจัยการประเมินเลขาธิการมาถ่ายทอดลงไปสู่พนักงานตามลำดับ

ปัจจัยการประเมินผลการปฏิบัติงานต้องสามารถสะท้อนถึง

(1) ผลการทำงานตามวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งในด้านคุณภาพ ปริมาณ และระยะเวลา รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้น เท่าที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน

(2) การบริหารจัดการงาน การปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ การจัดสรรทรัพยากรบุคคลเหมาะสม คุ้มค่าเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้อง มีการควบคุมความเสี่ยง ดูแลและจัดการข้อมูลในความรับผิดชอบให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน สามารถดำเนินงานบรรลุตามเป้าหมายด้านนวัตกรรม การปรับปรุงกระบวนการทำงานโดยใช้แนวคิดเชิงนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลอย่างเป็นรูปธรรม  ทั้งนี้ สำหรับการประเมินผลการปฏิบัติงานของตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการขึ้นไป จะกำหนดปัจจัยเรื่องการบริหารคน การสร้างบรรยากาศ กำลังใจ พัฒนาพนักงานและทีมงาน ตั้งเป้าหมายการประเมินผล ให้ Feedback/Coaching และจัดให้มี Succession Plan และ IDP รวมทั้งผลักดัน สนับสนุนทีมงาน เพื่อให้เกิดผลงานด้านนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม     

(3) การบริหารจัดการตนเอง การสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสายงาน หรือการแสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องกับค่านิยมขององค์กร  พฤติกรรมการมีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรมในองค์กร และแสดงให้เห็นการเป็นผู้ที่เข้าใจและยึดมั่นในประมวลจริยธรรมพนักงานและจรรยาบรรณพนักงาน ​

3. การแบ่งระดับผลการปฏิบัติงานของพนักงาน ให้แบ่งเป็นระดับ ดังนี้

(1)  ผลปฏิบัติงานดีเยี่ยมอย่างชัดเจน (Excellent)

(2)  ผลปฏิบัติงานดีมาก สามารถปฏิบัติงานได้เกินความคาดหวังของระดับตำแหน่ง (Over-Expectation)

(3)  ผลปฏิบัติงานเป็นที่พอใจ (Satisfactory) แบ่งเป็น

- ระดับ S+ คือ  ผลปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจมาก

- ระดับ S   คือ  ผลปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจ

- ระดับ S-  คือ  ผลปฏิบัติงานอยู่ในระดับพอใช้ แต่ยังมีส่วนที่ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน

(4)  ผลปฏิบัติงานไม่เป็นที่พอใจ ปฏิบัติงานไม่เรียบร้อย หรือไม่เอาใจใส่ในงาน (Unsatisfactory)

4. ผู้ประเมินและผู้รับการประเมิน  เป็นไปตามกรณีดังต่อไปนี้

(1) เลขาธิการ เป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติงานของ

(ก)  รองเลขาธิการ

(ข)  ผู้ช่วยเลขาธิการ ในกรณีที่ตามสายการบังคับบัญชาไม่มีรองเลขาธิการ

(ค)  พนักงานซึ่งปฏิบัติงานขึ้นตรงต่อเลขาธิการ

(2) รองเลขาธิการ เป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติงานของ

(ก)  ผู้ช่วยเลขาธิการ

(ข)  พนักงานซึ่งปฏิบัติงานขึ้นตรงต่อรองเลขาธิการ

(3) ผู้ช่วยเลขาธิการ ​เป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติงานของ

(ก)  หัวหน้าส่วนงาน แต่ไม่รวมถึงผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบภายใน

(ข)  พนักงานซึ่งปฏิบัติงานขึ้นตรงต่อผู้ช่วยเลขาธิการ

(4) หัวหน้าส่วนงาน เป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานตำแหน่งต่ำกว่าหัวหน้าส่วนงานซึ่งอยู่ภายใต้สายการบังคับบัญชา

ทั้งนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพนักงานเป็นผู้ประเมินคะแนนตามปัจจัยและน้ำหนักการประเมินของพนักงานแต่ละคนก่อน คะแนนที่ได้จะใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา โดยนำเสนอต่อผู้ประเมินตาม 4.(1)-(4) เพื่อประเมินระดับผลการปฏิบัติงาน ซึ่งผลประเมินการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคนจะถูกนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชาของผู้ประเมินเหนือขึ้นไปอีก 1 ระดับ เพื่อให้มีการพิจารณากลั่นกรองด้วย

ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งตามวรรคหนึ่งหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้บุคคลที่ดำรงตำแหน่งสูงกว่าในสายการบังคับบัญชานั้นเป็นผู้พิจารณาแทน

ให้คณะกรรมการตรวจสอบร่วมกับเลขาธิการเป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการฝ่ายตรวจสอบภายใน

5. ในกรณีที่พนักงานได้รับมอบหมายให้เป็นคณะทำงานหรือทำงานในโครงการพิเศษ ซึ่งหัวหน้าคณะทำงานหรือหัวหน้าโครงการมิใช่ผู้บังคับบัญชาของพนักงาน ให้ผู้ประเมินตาม 4. ขอความเห็นเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานของพนักงานจากหัวหน้าคณะทำงานหรือหัวหน้าโครงการนั้นด้วย

6. ในกรณีที่พนักงานเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง ส่วนงาน หรือผู้บังคับบัญชา ระหว่างปี ให้ผู้มีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติงานในส่วนที่พนักงานมีระยะเวลาในการปฏิบัติงานในส่วนนั้นมากที่สุด เป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติงาน  ในกรณีที่ระยะเวลาปฏิบัติงานในส่วนเดิมกับส่วนปัจจุบันเท่ากัน ให้ผู้มีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติงานในส่วนปัจจุบันเป็นผู้ประเมินผลการปฏิบัติงาน

7. ให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลมีหน้าที่จัดให้มีการประเมินและจัดเก็บผลการประเมินในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือในรูปแบบอื่นตามความเหมาะสม และให้ดำเนินการตามวิธีการดังต่อไปนี้​

(1)  ก่อนเริ่มรอบการประเมินหรือในช่วงเริ่มรอบการประเมิน ให้ผู้ประเมินและพนักงานแต่ละคน ร่วมกันวางแผนการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและ/หรือความสำเร็จของงานซึ่งพนักงานผู้นั้นต้องรับผิดชอบในรอบการประเมินนั้น โดยกำหนดความสำเร็จของงานอย่างเป็นรูปธรรมหรือหลักฐานบ่งชี้ความสำเร็จของงาน รวมทั้งระบุพฤติกรรมในการทำงานที่คาดหวังด้วย

(2)  ในระหว่างรอบการประเมิน ให้ผู้ประเมินนัดหมายพูดคุยกับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ ทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานตามแผนการปฏิบัติงาน รวมทั้งให้คำปรึกษา สอนงาน (Coach) และให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) อย่างเหมาะสมและทันเวลา เมื่อเกิดปัญหาจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมและทันการณ์  

(3)  เมื่อครบรอบการประเมิน

(ก) ให้ผู้รับการประเมิน ทำการประเมินตนเองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อน แล้วจึงให้ผู้บังคับบัญชาโดยตรงหรือผู้ประเมินนัดหมายพูดคุยกับผู้รับการประเมิน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการชี้แจงและรับฟังกัน เพื่อสร้างการยอมรับและความโปร่งใสในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน

(ข) เมื่อผู้ประเมิน ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานเสร็จสิ้นและผ่านการกลั่นกรองโดยผู้บังคับบัญชาตามสายการบังคับบัญชาแล้ว ผลการประเมินจะถูกนำส่งไปยังฝ่ายทรัพยากรบุคคลเพื่อรวบรวม โดยในกรณีผลการประเมินที่รองเลขาธิการ ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส หรือผู้ช่วยเลขาธิการ เป็นพนักงานผู้ได้รับการประเมิน ให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเสนอผลการประเมินดังกล่าวต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อพิจารณากลั่นกรอง  ส่วนกรณีผลการประเมินอื่น ให้เสนอต่อคณะกรรมการด้านบริหารงานบุคคลเพื่อพิจารณากลั่นกรอง ก่อนที่จะเสนอขออนุมัติผลการประเมินต่อเลขาธิการเพื่อนำไปใช้ในการบริหารงานบุคคลต่อไป

(ค) เมื่อผลการประเมินได้รับการอนุมัติแล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาโดยตรงหรือผู้ประเมินนัดหมายพนักงานเพื่อแจ้งผลการประเมิน และให้คำปรึกษาแนะนำแก่พนักงานในการวางแผนการพัฒนาตนเอง แล้วจึงให้พนักงานลงนามรับทราบผลการประเมินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์


ปรับปรุงล่าสุด 16 มีนาคม 2566


ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ​

​โทรศัพท์  0 2263 6441